การใช้งานแหวนอีแปะ หรือ แหวนรองน็อต เป็นชิ้นส่วนเล็กๆ ที่ใช้การยึดติดชิ้นส่วนต่างๆ ให้แน่นหนาเป็นหลัก โดยมีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของงาน ซึ่งแต่ละประเภท มีลักษณะและเหมาะกับการใช้งานอย่างไรได้บ้าง
ทำไมต้องใช้แหวนอีแปะ?
- ช่วยกระจายแรงกดที่กระทำต่อชิ้นงาน ทำให้ชิ้นงานไม่เสียหาย
- ช่วยป้องกันการสึกหรอ รอยขีดข่วนหรือรอยบุบที่อาจเกิดขึ้นกับชิ้นงาน
- ช่วยเพิ่มพื้นที่สัมผัสระหว่างน็อตกับชิ้นงาน ทำให้การยึดเกาะแน่นหนาขึ้น
- ช่วยป้องกันการคลายตัว ไม่ให้น็อตหลุดออกได้ง่ายๆ
3 ประเภทหลักๆ ของแหวนอีแปะ และการใช้งาน
- แหวนอีแปะชุบขาว
มีลักษณะเป็นผิวเคลือบสีขาว มักเป็นสังกะสี ช่วยป้องกันสนิมได้ในระดับหนึ่ง เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปภายในอาคารหรือบ้านเรือน ที่ไม่ต้องการความทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรงมากนัก เช่น เฟอร์นิเจอร์ ตู้ หรือโครงสร้างภายในที่ไม่สัมผัสกับสภาพอากาศ
- แหวนอีแปะชุบกัลวาไนซ์
มีลักษณะเป็นผิวเคลือบสังกะสีหนา ทำให้มีความทนทานต่อการเกิดสนิมมากกว่าชนิดชุบขาว เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความทนทานต่อสภาพแวดล้อมภายนอก เช่น รั้ว หลังคา หรือโครงสร้างเหล็กที่สัมผัสกับสภาพอากาศ
- แหวนอีแปะสเตนเลส
เนื่องจากแหวนอีแปะประเภทนี้ ทำจากสแตนเลส ซึ่งมีความแข็งแรง ทนทานต่อการกัดกร่อน และไม่เป็นสนิม เหมาะมากสำหรับงานที่ต้องการความทนทานสูงเป็นพิเศษ เช่น การใช้งานในอุตสาหกรรมอาหาร การแพทย์ การก่อสร้าง หรือในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น ทะเล หรือสารเคมีต่างๆ
ปัจจัยในการเลือกใช้แหวนอีแปะ
- เลือกแหวนอีแปะที่เข้ากันได้กับวัสดุของชิ้นงาน เพื่อป้องกันปฏิกิริยาเคมี
- พิจารณาว่าชิ้นงานจะถูกใช้งานในสภาพแวดล้อมแบบใด เช่น ในร่ม, กลางแจ้ง, หรือในสภาพที่เปียกชื้น
- เลือกแหวนอีแปะที่มีความแข็งแรงเพียงพอต่อแรงที่กระทำ
- หากใช้งานบ่อย ควรเลือกแหวนอีแปะที่มีความทนทานสูงจะดีกว่า
- เลือกแหวนอีแปะที่มีมาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย
ดังนั้น ในการเลือกใช้แหวนอีแปะที่เหมาะสม จะช่วยให้การประกอบชิ้นงานมีความแข็งแรง ทนทาน และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น การได้ทำความเข้าใจถึงคุณสมบัติของแหวนอีแปะแต่ละชนิดและการใช้งานต่างๆนั้น จะช่วยให้เลือกใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมที่สุด หากไม่แน่ใจว่าจะเลือกแหวนอีแปะชนิดใดดี สามารถติดต่อสอบถามร้านค้าจำหน่ายอะไหล่ต่างได้
